ผมชอบวาดรูปเล่นตั้งแต่เด็ก ตอนอยู่โรงเรียนขณะที่คนอื่นจดงานกันเพื่อไม่ให้ง่วงจนเผลอหลับในห้องเรียนผมก็จะวาดเล่นจนเต็มสมุด ถูกครูลงโทษเพราะเรื่องนี้ก็บ่อยแต่ก็ไม่เข็ด อุปกรณ์ที่ใช้ประจำก็แน่นอนว่าเป็นปากกาลูกลื่นธรรมดานี่ล่ะ คนอื่นอาจจะชอบใช้ดินสอมันลบง่ายสะดวกดีแต่ผมว่ามันเลอะเทอะง่ายเวลาเขียนไปมือก็ถูไปแถมยังต้องคอยเหลาบ่อยๆ ใช้ดินสอกดก็ชอบทำตกไส้หักประจำ ที่สำคัญผมไม่ชอบความรู้สึกสากๆเวลามันขูดกระดาษสู้ปากกาลูกลื่นไม่ได้ลื่นสมชื่อ ข้อดีอีกอย่างของปากาลูกลื่นคือผมสามารถแรเงาลงน้ำหนักแสงเงาได้เหมือนดินสอถึงจะทำน้ำหนักความเข้มได้แค่สองสามระดับก็เถอะแต่ต้องเป็นหมึกแบบฐานน้ำมันหรือก็คือปากกาลูกลื่นถูกๆ ทั่วไปนั่นล่ะครับ ถ้าเป็นแบบหมึกฐานน้ำหรือหมึกเจลหมึกมันเหลวไปไล่น้ำหนักยากต้องพกหลายสีใช้เป็นระบายสีแบบปากกาเคมี หรือไม่ก็ใช้การสานเส้นแทน แต่ผมที่ไม่ได้เรียนหัดวาดเขียนมาโดยตรงการจะเขียนสานเส้นให้สวยๆ ออกจะเป็นเรื่องยากไปบ้างแล้วก็ไม่สนุกด้วย
แต่ถ้าเป็นการทำงานที่ต้องการความเนี้ยบปากกาลูกลื่นคงไม่เหมาะ สำหรับปากกาที่นิยมใช้ตัดเส้นให้คมชัดก็มีหลายชนิดเช่น ปากกาจุ่มหมึก ปากกาเขียนแบบหัวเข็ม ปากกาตัดเส้นหัวสักหลาด ปากกาตัดเส้นหัวพู่กัน ปากกาหมึกซึมเป็นต้น
ปากกาจุ่มหมึก (Dip pen) หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าปากกาคอแร้งเป็นปากกาที่ต้องอาศัยความชำนาญในการเขียนทั้งเรื่องการคุมน้ำหนักเส้น ระวังเติมหมึกมากหรือน้อยเกินไปจนหมึกเย้มหยดหรือหมึกแห้งเส้นขาด แต่ก็มีข้อดีที่มีหัวให้ใช้งานหลากหลายทั้งแบบเส้นเล็กละเอียดแบบหัวเขียนแผนที่ หัวแบบ Flex เช่นหัวช้อน (Saji-pen) หรือหัว G-pen ที่นักวาดการ์ตูนชอบใช้ หัวแบบนี้มีความยืดหยุ่นทำให้คุมน้ำหนักเส้นบางเส้นหนาได้ตามน้ำหนักมือให้เส้นพริ้วไหว หรือหัวแบบ Calligraphy ที่ใช้เขียนอักษรวิจิตรเป็นหัวตัดขนาดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีหัวแบบแปลกๆ อีกมาก ข้อดีอีกอย่างคือใช้หมึกได้หลากหลายชนิดเปลี่ยนสีหมึกได้เร็วแค่ล้างเช็ดแล้วก็จุ่มใหม่ไม่ต้องพกหลายด้าม แต่ถ้าใช้พวกหมึกกันน้ำก็ต้องขยันล้างหัวบ่อยๆ ไม่งั้นหัวตันเขียนไม่ออกปกติเวลาพักมือก็เอาปากกาจุ่มในขวดหมึกไว้เลยหมึกจะได้ไม่แห้งพอจะเขียนต่อก็เอามาซับหมึกหน่อยไม่ให้เย้มมากใช้เสร็จก็รีบล้าง ตอนเด็กๆ ผมเคยเอามาเล่นบ้างแต่ไม่ค่อยชอบเพราะเรื่องที่ต้องคอยจุ่มหมึก กับทำเลอะประจำ และก็เรื่องหัวปากกาขูดกระดาษด้วยปัจจุบันเลยกลายเป็นวัตถุโบราณในลิ้นชักไปแล้ว
ปากกาเขียนแบบ (Technical pen) เคยใช้สมัยเรียนซื้อมาแพงหมึกก็แพงแต่ใช้งานน้อยมาก บางทีถ้าเขียนกระดาษธรรมดาไม่ใช่กระดาษไขยังใช้ปากกาหัวสักหลาดแทนเวลาเผางานด้วยซ้ำ แถมยังต้องคอยดูแลรักษาไม่ให้หมึกตันอีก ข้อดีนอกจากเอาใส่ตู้โชว์ก็คือความสม่ำเสมอของขนาดเส้นนี่แหละ
พวกปากกาตัดเส้น (Drawing pen) เหมาะกับการสเก๊ตช์ภาพมากพกง่ายใช้สะดวกเส้นคมชัดดี ถ้าเป็นหัวพู่กันจะคุมน้ำหนักเส้นยากกว่าแต่ก็ได้อารมณ์ความพริ้วไหวมาแทน แต่ผมชอบใช้ลูกลื่นมากกว่านอกจากถนัดมือแล้วก็ราคาถูกไม่เปลืองดีถึงเส้นที่วาดจะไม่คมชัดดูไม่ค่อยมีชาติตระกูลเหมือนปากกาอื่นก็เถอะ
ปากกาหมึกซึม (Fountain pen ชื่อฟังดูแปลกดีปากกาน้ำพุ) เองก็เป็นที่นิยมในการสเก๊ตช์ภาพเช่นกันเขียนได้อารมณ์ประมาณปากกาคอแร้งแต่พกสะดวกใช้ง่ายกว่า ตอนเด็กที่โรงเรียนเคยให้นักเรียนใช้ปากกาหมึกซึมตอนพกมันก็ดูเท่ดีแต่ตอนเป็นเด็กมันก็มีกระโดดโลดเต้นบ้างวิ่งเล่นบ้างพอตอนเอาปากกาออกมาถอดปลอกจะเขียนเท่านั้นแหละหมึกทะลักเลย ที่สำคัญเพราะเขียนมือซ้ายเวลาจดงานมือก็จะถูจนเลอะทุกทีทำให้เขียนเร็วไม่ได้จดงานไม่ทัน ยกเว้นพวกหัวตัดผมใช้มือซ้ายเขียนอักษรวิจิตรไม่ได้เลยต้องใช้มือขวาที่ไม่ถนัดถึงจะเขียนไม่เลอะแต่ก็ยิ่งช้ากว่าเดิมอีก สมัยอยู่มหาวิทยาลัยเพื่อนๆ ที่เรียนบูชาปากกายี่ห้อ Lamy มากเทพอย่างนั้นเขียนลื่นอย่างนี้ ผมไม่เห็นว่าจะเขียนลื่นตรงไหนแพงก็แพง ปากกาหมึกซึมถูกๆ สมัยเป็นนักเรียนยังเขียนลื่นกว่าอีก มารู้ทีหลังว่าหัวลามี่มันออกแบบมาให้ใช้กับมือขวาถ้าถนัดซ้ายต้องซื้อหัวเปลี่ยนต่างหากแถมมีขนาดเดียวด้วยลูกเมียน้อยสุดๆ ผมก็เลยยังใช้ลูกลื่นถูกๆ ของผมต่อไปจนเมื่อไม่นานนี้ไปได้ปากา Safari clone ก็คือพวกปากาที่ทำรูปร่างหน้าตาคล้ายกับ Lamy safari แหละครับที่จริงทำกันมานานแล้วมีหลายยี่ห้อ (Hero, Jinhao, Wing Sung, Yiren ฯลฯ) บางตัวก็ทำมาเกือบจะเหมือนบางตัวก็ทำแค่คล้าย ที่ได้มาเป็นของจีนยี่ห้อดังแพ๊คขายถูกๆ เลยซื้อมาหลายสี (7 ด้ามรวมกันยังถูกกว่า Safari ลดราคาด้ามเดียวอีก) งานเรียบร้อยดีดูดี รู้สึกว่าเขียนลื่นกว่า Lamy ของเพื่อนอีกด้วย (แน่ล่ะไม่ใช่หัวเฉพาะคนถนัดขวา) แถมยังมาพร้อมที่สูบหมึกในตัวไม่ต้องซื้อเพิ่มและสามารถใช้กับหมึกหลอดขนาดมาตรฐานยี่ห้อใหนก็ได้ 😄 เทียบรูปให้ดูความเหมือนที่แตกต่างและสีพิเศษที่หาไม่ได้ใน Lamy
เขียนร่ายมาซะยาวที่จริงก็แค่อยากโชว์ปากกาเท่านั้นแหละพอแค่นี้ดีกว่า
ปล.แถมรูปที่วาดแต่วาดจากปากกา 3D นะเหมือนขนมฝอยทองแต่กินไม่ได้นะเออ
แต่ถ้าเป็นการทำงานที่ต้องการความเนี้ยบปากกาลูกลื่นคงไม่เหมาะ สำหรับปากกาที่นิยมใช้ตัดเส้นให้คมชัดก็มีหลายชนิดเช่น ปากกาจุ่มหมึก ปากกาเขียนแบบหัวเข็ม ปากกาตัดเส้นหัวสักหลาด ปากกาตัดเส้นหัวพู่กัน ปากกาหมึกซึมเป็นต้น
ปากกาจุ่มหมึก (Dip pen) หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าปากกาคอแร้งเป็นปากกาที่ต้องอาศัยความชำนาญในการเขียนทั้งเรื่องการคุมน้ำหนักเส้น ระวังเติมหมึกมากหรือน้อยเกินไปจนหมึกเย้มหยดหรือหมึกแห้งเส้นขาด แต่ก็มีข้อดีที่มีหัวให้ใช้งานหลากหลายทั้งแบบเส้นเล็กละเอียดแบบหัวเขียนแผนที่ หัวแบบ Flex เช่นหัวช้อน (Saji-pen) หรือหัว G-pen ที่นักวาดการ์ตูนชอบใช้ หัวแบบนี้มีความยืดหยุ่นทำให้คุมน้ำหนักเส้นบางเส้นหนาได้ตามน้ำหนักมือให้เส้นพริ้วไหว หรือหัวแบบ Calligraphy ที่ใช้เขียนอักษรวิจิตรเป็นหัวตัดขนาดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีหัวแบบแปลกๆ อีกมาก ข้อดีอีกอย่างคือใช้หมึกได้หลากหลายชนิดเปลี่ยนสีหมึกได้เร็วแค่ล้างเช็ดแล้วก็จุ่มใหม่ไม่ต้องพกหลายด้าม แต่ถ้าใช้พวกหมึกกันน้ำก็ต้องขยันล้างหัวบ่อยๆ ไม่งั้นหัวตันเขียนไม่ออกปกติเวลาพักมือก็เอาปากกาจุ่มในขวดหมึกไว้เลยหมึกจะได้ไม่แห้งพอจะเขียนต่อก็เอามาซับหมึกหน่อยไม่ให้เย้มมากใช้เสร็จก็รีบล้าง ตอนเด็กๆ ผมเคยเอามาเล่นบ้างแต่ไม่ค่อยชอบเพราะเรื่องที่ต้องคอยจุ่มหมึก กับทำเลอะประจำ และก็เรื่องหัวปากกาขูดกระดาษด้วยปัจจุบันเลยกลายเป็นวัตถุโบราณในลิ้นชักไปแล้ว
ปากกาเขียนแบบ (Technical pen) เคยใช้สมัยเรียนซื้อมาแพงหมึกก็แพงแต่ใช้งานน้อยมาก บางทีถ้าเขียนกระดาษธรรมดาไม่ใช่กระดาษไขยังใช้ปากกาหัวสักหลาดแทนเวลาเผางานด้วยซ้ำ แถมยังต้องคอยดูแลรักษาไม่ให้หมึกตันอีก ข้อดีนอกจากเอาใส่ตู้โชว์ก็คือความสม่ำเสมอของขนาดเส้นนี่แหละ
พวกปากกาตัดเส้น (Drawing pen) เหมาะกับการสเก๊ตช์ภาพมากพกง่ายใช้สะดวกเส้นคมชัดดี ถ้าเป็นหัวพู่กันจะคุมน้ำหนักเส้นยากกว่าแต่ก็ได้อารมณ์ความพริ้วไหวมาแทน แต่ผมชอบใช้ลูกลื่นมากกว่านอกจากถนัดมือแล้วก็ราคาถูกไม่เปลืองดีถึงเส้นที่วาดจะไม่คมชัดดูไม่ค่อยมีชาติตระกูลเหมือนปากกาอื่นก็เถอะ
ปากกาหมึกซึม (Fountain pen ชื่อฟังดูแปลกดีปากกาน้ำพุ) เองก็เป็นที่นิยมในการสเก๊ตช์ภาพเช่นกันเขียนได้อารมณ์ประมาณปากกาคอแร้งแต่พกสะดวกใช้ง่ายกว่า ตอนเด็กที่โรงเรียนเคยให้นักเรียนใช้ปากกาหมึกซึมตอนพกมันก็ดูเท่ดีแต่ตอนเป็นเด็กมันก็มีกระโดดโลดเต้นบ้างวิ่งเล่นบ้างพอตอนเอาปากกาออกมาถอดปลอกจะเขียนเท่านั้นแหละหมึกทะลักเลย ที่สำคัญเพราะเขียนมือซ้ายเวลาจดงานมือก็จะถูจนเลอะทุกทีทำให้เขียนเร็วไม่ได้จดงานไม่ทัน ยกเว้นพวกหัวตัดผมใช้มือซ้ายเขียนอักษรวิจิตรไม่ได้เลยต้องใช้มือขวาที่ไม่ถนัดถึงจะเขียนไม่เลอะแต่ก็ยิ่งช้ากว่าเดิมอีก สมัยอยู่มหาวิทยาลัยเพื่อนๆ ที่เรียนบูชาปากกายี่ห้อ Lamy มากเทพอย่างนั้นเขียนลื่นอย่างนี้ ผมไม่เห็นว่าจะเขียนลื่นตรงไหนแพงก็แพง ปากกาหมึกซึมถูกๆ สมัยเป็นนักเรียนยังเขียนลื่นกว่าอีก มารู้ทีหลังว่าหัวลามี่มันออกแบบมาให้ใช้กับมือขวาถ้าถนัดซ้ายต้องซื้อหัวเปลี่ยนต่างหากแถมมีขนาดเดียวด้วยลูกเมียน้อยสุดๆ ผมก็เลยยังใช้ลูกลื่นถูกๆ ของผมต่อไปจนเมื่อไม่นานนี้ไปได้ปากา Safari clone ก็คือพวกปากาที่ทำรูปร่างหน้าตาคล้ายกับ Lamy safari แหละครับที่จริงทำกันมานานแล้วมีหลายยี่ห้อ (Hero, Jinhao, Wing Sung, Yiren ฯลฯ) บางตัวก็ทำมาเกือบจะเหมือนบางตัวก็ทำแค่คล้าย ที่ได้มาเป็นของจีนยี่ห้อดังแพ๊คขายถูกๆ เลยซื้อมาหลายสี (7 ด้ามรวมกันยังถูกกว่า Safari ลดราคาด้ามเดียวอีก) งานเรียบร้อยดีดูดี รู้สึกว่าเขียนลื่นกว่า Lamy ของเพื่อนอีกด้วย (แน่ล่ะไม่ใช่หัวเฉพาะคนถนัดขวา) แถมยังมาพร้อมที่สูบหมึกในตัวไม่ต้องซื้อเพิ่มและสามารถใช้กับหมึกหลอดขนาดมาตรฐานยี่ห้อใหนก็ได้ 😄 เทียบรูปให้ดูความเหมือนที่แตกต่างและสีพิเศษที่หาไม่ได้ใน Lamy
Lamy safari (ภาพจาก lamy.co.th) |
Jinhao 599 |
เขียนร่ายมาซะยาวที่จริงก็แค่อยากโชว์ปากกาเท่านั้นแหละพอแค่นี้ดีกว่า
ปล.แถมรูปที่วาดแต่วาดจากปากกา 3D นะเหมือนขนมฝอยทองแต่กินไม่ได้นะเออ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น